Skip to content

ธนาธร ถามเรื่องงบทำ IO พล.อ.อภิรัชต์ตอบ มีแต่งบสาธารณูปโภคจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต

ธนาธร ถามเรื่องงบทำ IO พล.อ.อภิรัชต์ตอบ มีแต่งบสาธารณูปโภคจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต

20 ส.ค.2563 เมื่อวานนี้ ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า ที่อาคารรัฐสภา ระหว่างการพิจารณางบประมาณของกองทัพบก ของ กมธ.พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี พ.ศ.2564 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เข้าชี้แจงรายละเอียดด้วยตัวเอง ทั้งนี้ในการประชุม พล.อ.อภิรัชต์ ได้นำเสนอภาพรวม และหลังจากนั้นได้มีกรรมาธิการให้ความสนใจสอบถามในหลายประเด็นที่เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและยังไม่ได้รับความกระจ่างจากทางกองทัพ

พล.อ.อภิรัชต์ ได้ชี้แจงว่า ต้องขอขอบคุณกรรมาธิการ(ธนาธร) ที่ท่านได้โพสต์ในเฟสบุ๊คของท่านว่าหลังจากเหตุการณ์โคราชจะ 200 วันแล้วมีการทำอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ผมรู้จุดตายของกองทัพบกว่าคืออะไร จึงขอชี้แจงด้วยความจริงว่าเรามีกรมสวัสดิการทหารบกมาแล้ว 70-80 ปี สาเหตุที่เกิดขึ้นที่โคราช เป็นจุดเริ่มต้น ทำให้กองทัพบกรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรามีเงินกองทุนซึ่งเป็นเงินที่ทหารทุกชั้นยศจะถูกหักเงินเป็นเงินออมเหมือนกองทุนกองทุนหนึ่ง แต่อยู่มาๆ ทหารมีเยอะขึ้น จนตอนนี้กองทุนมีเงิน 1 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นเงินของทุกคนในกองทัพบก มีเจ้ากรมเป็นคนดูแล ซึ่งนายสิบถึงจ่าสามารถกู้เงินแบบพิเศษ ได้ 7 แสนบาท ซึ่งก็มีคนที่ทำธุรกิจข้างนอกไม่สำเร็จก็มาใช้ช่องทางนี้ในการหาประโยชน์ มีการเอาเงินกู้ไปซื้อบ้าน แล้วเอาบ้านที่ดินที่เอาเงินกู้ไปซื้อมา มาค้ำประกันกู้ต่ออีกที

“ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ปกป้องลูกน้อง แต่ผมปกป้องศักดิ์ศรีและองค์กร ผมพยายามมีการเปลี่ยนแปลงแต่สิ่งที่ทำได้รับการต่อต้าน อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นคือมีคนประเมินทรัพย์สินเพื่อจะให้กู้เป็นทหารไม่เกิน 10 คนแต่ต้องประเมินทั่วประเทศ นี่คือจุดตาย ผมยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมที่ผิดยอมรับว่ามีการประเมินเกินจริง ก็ถูกลงโทษ เรื่องลงโทษผมลงโทษตั้งแต่เจ้ากรม มีการปลดแม้ไม่ได้แถลง มีทัวร์มาลงผม ผมไม่เคยสะทกสะท้าน แต่องค์กรต้องอยู่ ผมมีการไปทำ MOU กับธนาคารกรุงไทย ใครจะกู้ไม่ต้องมาที่ศูนย์กลาง ไปที่ธนาคารเลย แต่ยังไม่ได้ลงนามแต่มีการกำหนดเดดไลน์ว่าต้องเสร็จก่อนที่ผมจะเกษียณ ซึ่ง 200 กว่าวันที่ผ่านมาถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับปัญหาที่หมักหมมอีกทั้งกองทัพไม่ใช่บริษัท ปัญหาขององค์กรหมักหมม ต้องฝ่าฟันในองค์กร และแรงกระทบหลายๆ อย่าง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ทางด้านธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา กมธ.สัดส่วนของพรรคก้าวไกล ได้สอบถามถึงการตั้งงบประมาณทางด้านปฏิบิการข่าวสารหรือ IO ว่า 1.)ทราบหรือไม่ว่ากองทัพมีงบประมาณที่ใช้ไปเพื่อทำปฏิบัติการเชิงข้อมูล? ถ้าทราบทำไมตอบใน กมธ.งบประมาณปีที่แล้ว (2563) ว่าไม่ทราบ? 2.)หากไม่ทราบ หมายความว่าผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติโดยพลการใช่หรือไม่? 3.)งบประมาณมาจากไหน? 4.)ในปัจจุบันยังมีอยู่หรือไม่?/ใช้งบประมาณอีกปีละเท่าไร?

ธนาธรกล่าวว่า งบประมาณของกองทัพบกควรถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากเห็นกองทัพเป็นประชาธิปไตย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่ใต้การบังคับบัญชาจากรัฐบาล และรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ในทางการทหารให้กองทัพ มีการปฏิรูปให้มีความทันสมัยขึ้น มีความน่าเกรงขามพอที่จะปกป้องประเทศอยู่ตลอดเวลา ในทางการปกครอง ให้กองทัพเป็นธรรม ยึดสิทธิมนุษยชน หลักความโปร่งใสตรวจสอบได้ นี่คือหลักการกว้างๆ ที่อยากเห็น ที่พูดเพราะอยากกองทัพเดินไปข้างหน้าไม่ได้พูดเพราะมีอคติ อีกทั้ง เช้าวันนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่เห็นที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกยอมรับว่ากองทัพมีปัญหา มีจุดอ่อน แล้วก็มีการแก้ไข แสดงว่ามีจุดร่วมเดียวกันเป็น สัญญาณดี

“แต่ผมเรื่องที่ต้องสอบถามเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปด้วยความถูกต้องและมีประสิทธิภาพประเด็นแรกคือเรื่องปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ผมขอไล่เรียงแบบนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เข้าชี้แจงใน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 ในการประชุมมีการถามว่ากอง ทัพมีการทำภารกิจ IO ที่มีการด้อยค่าสร้างข้อความเกลียดชังกันในสังคม มีการใช้ข่าวปลอมต่อประชาชนที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ท่าน ผบ.ทบ.ตอบว่าไม่มี และในปีที่แล้วการชี้แจงเรื่องงบประมาณต่อ กมธ.พิจารณางบประมาณปี 2563 ของกองทัพ ผมได้ถามท่านว่ากองทัพมีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไม่ ท่านไม่ได้ตอบ

และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎรที่ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบพรรคไปแล้วก็ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยเหตุผลว่ากองทัพบกมีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือ IO ในการสร้างความเกลียดชังและด้อยค่าผู้เห็นต่าง ทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน โดย ส.ส.วิโรจน์ได้แสดงให้เห็นเอกสารและหลักฐานว่ากองทัพมีปฏิบัติการ IO จริง มีการนำงบประมาณของประเทศที่เป็นเงินภาษีของประชาชนไปใช้ในปฏิบัติการเหล่านี้ บางส่วนของเอกสาร ผมขอยกตัวอย่างดังนี้ มีการให้เงินรางวัลกับคนที่สามารถทำให้มีผู้ติดตามสูงสุดในสื่อสังคมออนไลน์สูงสุดเดือนละ 2 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท มีการให้ประกาศนียบัตร 2 ชุดให้แก่ผู้ที่สามารถทำให้มีการติดตามสูงสุดชุดละ 1,000 บาท ในเอกสารคำสั่งมีการบอกว่าให้เพิ่มกำลังพลในหน่วยนี้อย่างต่อเนื่อง มีการให้ค่าอินเทอร์เน็ตแก่คนที่ปฏิบัติภารกิจนี้เดือนละ 1,500 บาท มีการลงทุนในห้องประชุม VTC เพื่อให้เกิดการทำวีดีโอทางไกลกันได้ (Video Conference) ดังนั้นมันชัดเจนว่ามีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารและมีการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนไปเพื่อการนี้

เรื่องนี้สำคัญคือ ทำให้เห็นว่ากองทัพเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง และกองทัพสร้างให้ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ทำให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง ด้วยการด้อยค่ากลุ่มคนที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจซึ่งอาจเป็นเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรง และใช้งบประมาณไม่ตรงกับภารกิจ ดังนั้นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือท่านทราบหรือไม่ว่ากองทัพมีงบประมาณในการปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสารหรือ IO ถ้าทราบทำไมถึงตอบในชั้นกรรมาธิการว่าไม่ทราบ แล้วถ้าท่านไม่ทราบแสดงว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านทำภารกิจไปโดยพลการใช่หรือไม่?

และงบประมาณเอามาจากไหน อยู่ในไหนของงบประมาณกองทัพบก? เพราะไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่ามีอยู่ในส่วนใด เพื่อจะได้ไปดู จะได้ลงรายละเอียดไปดูกัน และหลังการอภิปรายไปแล้วยังมีอยู่หรือไม่ ใช้งบประมาณปีละเท่าใด ที่ผมถามเช่นนี้เพราะว่าประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัยสอนพวกเราว่าประวัติศาสตร์ความเกลียดชังมักนำไปสู่ความรุนแรง

วันนี้พิสูจน์แล้วว่ารัฐไม่ได้จริงใจ ทางหนึ่งเรียกร้องการปรองดอง อีกทางหนึ่งไปไล่จับผู้เห็นต่าง ไปสร้างข่าวปลอม ไปสร้างความเกลียดชังกัน ผมอยากจะพาสังคมไปข้างหน้า ผมอยากเห็นสังคมที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ รัฐและรัฐบาลรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ผมไม่อยากเห็นว่าทหารเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเกลียดชังประชาชน สร้างให้ประชาชนเกลียดชังกัน เพราะประวัติศาสตร์บอกเราว่าถ้าประชาชนเกลียดชังกัน พร้อมเผชิญหน้ากันก็พร้อมที่จะใช้ความรุนแรงต่อกัน ผมถามด้วยความหวังดีต่อประเทศ ไม่อยากให้เกิดความเกลียดชังขึ้นจากประชาชนที่สร้างโดยรัฐอีก” ธนาธร กล่าว

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้ พล.ท.ชนาวุธ บุตรกินรี เจ้ากรมยุทธการทหารบกกองทัพบก เป็นผู้ชี้แจงแทน โดยได้กล่าวว่า การปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ฟังดูน่ากลัว หลายๆ คนพูดเรื่อง IO จริงๆ องค์ความรู้เรื่องข้อมูลข่าวสาร เป็นการบริหารสื่อ แต่เนื้อหาจริงคือมุ่งเพื่อประชาสัมพันธ์ โฆษณาชวนเชื่อ แล้วก็จริงๆ เปลี่ยนแนวความคิดฝ่ายตรงข้ามในสนามรบ ในภาวะปกติกองทัพบกได้นำองค์ความรู้บางส่วนโดยเฉพาะการโฆษณาและประชาสัมพันธ์มาใช้สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจหลักของกองทัพบก คือการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และการป้องกันประเทศ การรักษความมั่นคงภายในโดยการใช้การโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เพื่อเป็นการนำเสนอและกระตุ้นการรับรู้ การเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ต่อกองทัพบก ต่อรัฐบาลซึ่งกองทัพบกเองก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้มีการโจมตีด้อยค่าสร้างความเกลียดชังในสังคมไทยแน่นอน และกองทัพบกไม่มีการตั้งงบประมาณปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ในมีเพียงแต่การตั้งงบประมาณอยู่ในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพอยู่ในงบรายจ่ายอื่นๆ รายการค่าใช้จ่ายในการฝึกการทหาร ซึ่งมีงบการยุทธการ 24 ล้านบาท ในการให้ความรู้เกี่ยวกับการให้ความรู้และการฝึกในการปฏิบัติการข่าวสารเท่านั้น

ธนาธรยังได้สอบถามเพิ่มเติมโดยกล่าวว่า จากที่ท่านผู้ชี้แจงได้กล่าวชี้แจงมามีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากพิสูจน์จากเอกสารหลักฐานว่ามีปฏิบัติการข่าวสารจริง ทั้งนี้โดยอ้างอิงจากเอกสาร เป็นเอกสารที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วในสภาผู้แทนราษฎร

ตัวอย่างเช่น ในเอกสารนี้ บอกว่าการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้ในแต่ละวัน เจ้าหน้าที่โพสต์ตามความเหมาะสมไม่ต้องโพสต์เรียงลำดับหัวข้อตามลำดับภารกิจเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเป็นอวตารและเป็นสแปม

นอกจากนี้ผมคิดว่าจุดยืนทางการเมืองของผม ทุกท่านรับทราบดีผมต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ต่อต้านการรัฐประหาร ผมเป็นภัยต่อฝ่ายที่สืบทอดอำนาจแน่นอน แต่ผมไม่ใช่ภัยของประเทศแน่นอน ผมทำด้วยความรักประเทศ แต่ในเอกสารสั่งการมีคำว่า ฝ่ายตรงข้าม มีการทำลายความน่าเชื่อถือ ด้อยค่าประชาชน การที่ผมอภิปรายเรื่องงบประมาณในเรื่องปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารเพราะว่าเราเห็นด้วยหรือไม่ว่ากองทัพมีงบประมาณที่มาทำลายคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งนี้เมื่อถามกองทัพ กองทัพตอบว่าไม่มีแต่จากเอกสารหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามี ซึ่งการที่ปฏิบัติการเช่นนี้มันขัดกับสิ่งที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกบอกว่าต้องเป็นประชาธิปไตย

นอกจากนี้ ในช่วงท้าย พล.อ.อภิรัชต์ ก ยังได้พูดชี้แจงในเรื่องนี้ด้วยว่า เรื่อง IO ผมให้ความสนใจมาโดยตลอดและเรื่องเอกสารที่ท่านได้รับมา การใช้คำว่าฝ่ายตรงข้าม เป็นศัตรู การใช้คำพูดแบบนี้ผมก็เห็นว่าไม่ถูก ตอนนี้ทหารคนนั้นได้ถูกย้ายไปแล้ว สำหรับทหาร ฝ่ายตรงข้ามของทหาร คืออริราชศัตรู จึงขอเรียนว่ามีการสอนว่าอะไรเป็นข่าวจริง ข่าวปลอม เพื่อสร้างความเข้าใจ อีกทั้งกำลังพลของผม ถ้าผมไม่ลงโทษถือว่าผิด จึงมีการลงโทษไป และงบประมาณที่ใช้ไม่ได้ใช้ด้านการข่าว แต่เป็นงบที่สั่งจ่ายเป็นส่วนของฝ่ายส่งกำลังบำรุง งบสาธารณูปโภค ที่จ่ายค่าอินเทอร์เน็ตมาจ่าย ซึ่งไม่ใช่ผมเห็นดีเห็นชอบหรือผมสั่งการ อีกทั้งทหารก็คือประชาชน เราจะไม่ใช้เงินภาษีอากรมาใช้ในการคุกคามประชาชน

โดยนอกเหนือจากประเด็นปฏิบัติการ IO แล้ว ธนาธรยังติดตามการปฏิรูปกองทัพทางด้านการจัดการผลประโยชน์ด้านต่างๆ ที่ต้องโปร่งใส อย่างเช่นกรณีที่ดินนั้นทางกองทัพบกชี้แจงว่าได้ครอบครองที่ดินทั้งหมด 6 ล้านไร่ แต่คืนไปแล้ว 2 ล้านไร่ ยังเหลืออีก 4 ล้านไร่นั้น ตนอยากถามไปยังกองทัพบกว่ามีแผนการบริหารจัดการส่งคืนอย่างไรบ้าง จุดประสงค์คืออะไร และปลายทางจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง อยากขอเอกสารชี้แจงให้ชัดเจน

หรือการบริหารจัดการหน่วยงานองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกแต่ไม่ได้อยู่ในงบประมาณอีกจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่นสโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ด ทหารบก FC หรือกองทุนสวัสดิการกองทัพบก หรืออุทยานราชภักดิ์ และการทำสัญญากองทัพบกกับดุสิตธานี ที่เราต้องการเห็นการออกมาเปิดผยรายละเอียดของการบริหารจัดการทั้งหมดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ทาง ผบ.ทบ. ก็ออกมายอมรับแล้วว่ามีสิ่งไม่ดีในกองทัพและพยายามแก้ไข ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่เราต้องการความโปร่งใส

“ถ้าทำให้ถูกต้องมีแต่คนเทิดทูนสรรเสริญ ผมเข้าใจว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน และผมไม่ได้คาดคั้นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมอยากเห็นการปรับปรุงเพื่อนำไปสู้การแก้ไข และการจะเริ่มนำไปสู่การแก้ไขได้ อย่างแรกคือการยอมรับว่ามันมีปัญหา ซึ่งท่านยอมรับไปแล้ว แต่ก้าวต่อไปจะทำได้ก็คือต้องเปิดเผยครับ เปิดเผยออกมาให้สังคมช่วยตรวจสอบ ให้สภา ให้กรรมาธิการ ให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ ยิ่งตรวจสอบยิ่งโปร่งใส ท่านมีหลังพิง ท่านบอกว่ามีคนต่อต้านท่านเยอะมาก ท่านเอาหลังพิงผมเลยครับ เอาหลังพิงกรรมาธิการเลยครับ ท่านจะได้ไปต่อสู้เปลี่ยนแปลงข้างในได้ ผมพร้อมที่จะสนับสนุนท่าน แต่ผมสนับสนุนท่านไม่ได้เพราะผมไม่เห็นข้อมูล” ธนาธรกล่าวปิดท้าย

ทางด้านพิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ กมธ.จากสัดส่วนพรรคก้าวไกล กล่าวยกตัวอย่างเอกสารสมุดปกขาว(White Paper) ของกองทัพอากาศที่มีการชี้แจงรายละเอียดและแผนงานในอนาคตให้เห็นชัดเจน จึงอยากให้หน่วยงานกองทัพบกปฏิบัติเช่นนั้นบ้าง เพราะการเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่ดี

ตัวอย่างของปัญหาที่ตนเองเจอ ก็คือมีการจัดซื้อสะพานยุทธวิธี แต่มีเอกสารชี้แจงเพียงแค่ 1 หน้ากระดาษ ทั้งที่หน่วยงานอื่นๆ เช่นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีการจัดซื้อสะพานคล้ายๆ กันนั้น มีเอกสารชี้แจงรายละเอียดถึง 10 หน้า โดยที่ กมธ.ไม่ต้องร้องขอมาเลย จึงอยากขอให้กองทัพบกมีการชี้แจงรยละเอียดให้เปิดเผยโปร่งใสมากกว่านี้ด้วย

อีกประเด็นที่อยากฝากไว้คือในปีงบประมาณ 2562 รายได้ของกองทัพบกนั้นมาจากโรงพยาบาล สถานศึกษา ฯลฯ แต่หวังว่ารายได้จากกิจการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสนามมวย สนามม้า สนามกอล์ฟ ฯลฯ ปรากฏเป็นเงินนอกงบประมาณในปีหน้าและปีต่อๆ ไปด้วย

สุดท้าย พิจารณ์กล่าวว่ารายจ่ายประจำทางด้านบุคลากรของกระทรวงกลาโหมนั้นถือว่ามีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกระทรวงอื่นๆ จึงอยากขอให้ชี้แจงเป็นเอกสารว่ามีรายละเอียดแผนการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ปรับลดกำลังพล ฯลฯ อันจะส่งผลให้เม็ดเงินที่ใช้จ่ายไปลดลงอย่างไรบ้าง