Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the show-modified-date-in-admin-lists domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/teddyharrycom/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121
You fuck with the wrong generation – Harry Kaewmong
Skip to content

You fuck with the wrong generation

To do list เตรียมรับมือกับการถูกครูคุกคาม เมื่อตัดสินใจจะใส่ไปรเวท

เมื่อนักเรียนไทยแต่งไปรเวท
วันที่ 1 ธันวาคมนี้ นักเรียนจะแต่งไปรเวทไปโรงเรียนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ความหลากหลาย ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และขจัดความเท่าเทียมจอมปลอมออกไป เพื่อปูทางไปสู่การสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาที่แท้จริง กลุ่มนักเรียนระบุว่าจะมีนักเรียนแต่งไปรเวทไปโรงเรียนประมาณ 23 โรงเรียน

อารยะขัดขืน

แนวทางการต่อสู้แบบนี้เป็นสันติวิธีที่น่าสนใจ เพราะถือเป็นการอารยขัดขืน (civil disobedience) ตามตำราสันติวิธีโดยแท้ กล่าวคือ (1.) เป็นการฝ่าฝืนระเบียบโดยแจ้งต่อผู้มีอำนาจล่วงหน้า (2.) โดยเห็นว่าระเบียบดังกล่าวไม่ชอบธรรม (3.) พร้อมรับความเจ็บปวดจากการถูกลงโทษเอาไว้เอง (4.) เพื่อปลุกสำนึกความยุติธรรมในกลุ่มประชาชน และเข้าร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นธรรมขึ้น

นอกจากนี้ การแต่งไปรเวทไปโรงเรียน ยังเป็นการเดินเข้าไปในโรงเรียน (walk-in) เข้าไปนั่งในห้องเรียน (sit-in) เข้าไปยืนต่อแถวเคารพธงชาติ (stand-in) เพื่อขอเข้ารับบริการทางการศึกษาจากรัฐด้วย ทุกครั้งที่เกิดปฏิบัติการแบบนี้ขึ้น ผู้เข้าร่วมจะต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือจากการโดนข่มขู่คุกคาม และความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากฝ่ายครูที่ไม่เห็นด้วย เพื่อทำให้การต่อสู้เคลื่อนไหวดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ปฏิบัติการแบบนี้คล้าย ๆ กับที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อครั้งที่คนผิวดำต่อสู้เรียกร้องสิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกาในทศวรรษที่ 1970 ในรอบนั้น คนผิวดำเดินเข้าไปเพื่อนั่งเก้าอี้บนรถเมล์ซึ่งปกติมีไว้ให้คนขาวนั่งเท่านั้น เข้าไปตามร้านอาหารที่มีไว้เพื่อคนขาวเท่านั้น รวมไปถึงเข้าไปเรียนในมหาลัยของคนขาวด้วย กรณีเหล่านี้เป็นการแทรกตัวเข้าไปเพื่อขอรับบริการจากรัฐ โดยแสดงออกตัวตนของเขา แต่พวกเขากลับถูกตะคอก ข่มขู่คุกคาม หรือกระทั่งทำร้ายร่างกาย

อย่างไรก็ตาม พวกเขาซ้อมรับมือกับการถูกข่มขู่คุกคามเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การรณรงค์เคลื่อนไหวขยายตัวไปทั่วประเทศ นำไปสู่การยกเลิกนโยบายแบ่งแยกผิวสีในที่สุด

ในตอนนั้นคือทศวรรษที่ 1970 ปัจจุบันเราอยู่ในทศวรรษที่ 2020 แล้ว องค์ความรู้ของสันติวิธีพัฒนาไปมาก หากเตรียมพร้อมให้ดี นักเรียนไทยอาจต่อสู้ได้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าขบวนการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองของสหรัฐอเมริกาเสียอีก เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเตรียมตัว ผมนำแนวทางที่ได้จาก “คู่มือการมีปัญหากับครู (เมื่อจำเป็น)” ของ วริศ ลิขิตอนุสรณ์ และ “คู่มือการสะท้อนกลับ: กลยุทธ์ต่อต้านความอยุติธรรม” มาประยุกต์ใช้ โดยคำนึงถึงสถานการณ์การข่มขู่คุกคามที่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นแนวทาง 10 ข้อตามด้านล่าง

คำเตือน: ผมทำได้แค่แนะนำ ถึงเคยผ่านประสบการณ์แย่ ๆ มาคล้าย ๆ คุณ ไม่ได้หมายความ​ว่า​ผมเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังเจอ และไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตคุณได้ โปรดอ่านแล้วพิจารณา​พลิกแพลงตามความเหมาะสม และคำนึงถึงความเสี่ยงต่ออนาคตของคุณด้วย

10 ขั้นตอน สู้ครูไดโนเสาร์

1. เตรียมใจให้พร้อม พูดคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ หากพ่อแม่ไม่เข้าใจ ให้ติดต่อพ่อแม่ของเพื่อนที่เข้าใจ หรือหน่วยงานหรือบุคคลที่ช่วยคุณได้ หากมีการคุกคาม ให้เขาสแตนบายอยู่บริเวณใกล้เคียงถ้าเป็นไปได้

2. เมื่อไปโรงเรียน เราหรือเพื่อนก็ได้ เตรียมพร้อมถ่ายวิดิโออยู่เสมอ ถ่ายหน้าผู้กระทำผิดให้ชัด ปกป้องรักษามือถือไว้ อย่าให้ถูกยึดได้ หากจำเป็นในกรณีมือถือโดนยึด ต้องมีเพื่อนพร้อมรับช่วงถ่ายวิดิโอต่อทันที

3. แคปหลักฐานทุกอย่างไว้ หากมีการคุกคามทางไลน์ หรือแอพส่งข้อความ​อื่น ๆ เช่น เฟสบุ๊ค​ ทวิตเตอร์​ SMS ฯลฯ ถ้าให้ดีเก็บหลักฐานไว้บน cloud ด้วย

4. เพื่อนเดินตามไปด้วยและถ่ายวิดิโอ ถ้าครูเรียกไปห้องปกครอง ยืนกรานจนกว่าครูจะยอมให้เพื่อนไปถ่ายวิดิโอด้วย หรือยอมถอดใจไปเอง

5. หาก ผอ. หรือครูคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ แล้วเข้ามาผสมโรง ให้เปิดโปงคนเหล่านั้นที่สนับสนุนครูที่ละเมิดคุกคามนักเรียนด้วยถ้าเป็นไปได้ ทั้งวิดิโอ ภาพ เสียง และหลักฐาน

6. หากครูสั่งให้วิดพื้น ซิทอัพ หรือเรียกไปตี อาจนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วหายใจลึก ๆ ถ้าคุณมีความกล้ามากพอ เขาอาจจะเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มขว้างข้าวของ เหมือนจะดิ้นตายเพราะกระหายอำนาจ จงนั่งต่อไป หรือแจ้งระเบียบ​ศึกษาธิการ​ให้เขาทราบ (ถ้ามี)​

7. หากสถานการณ์​เริ่มไม่ดี ให้เดินออกจากห้องเรียน เดินไปหาครูที่ไว้ใจได้ (ที่ไม่สลิ่ม) หรือสถานที่ปลอดภัยในโรงเรียน พยายามไปเป็นกลุ่มเสมอ โทรเรียกพ่อแม่ตัวเอง หรือพ่อแม่เพื่อน (ที่ไม่สลิ่ม)​ หรือหน่วยงานหรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้มารับกลับบ้านหรือพาไปยังที่ปลอดภัย

8. ถ่ายภาพบาดแผลแยกไว้ หากครูทำร้ายร่างกาย

9. เก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับ​บริบทของเหตุการณ์​ อย่าให้เขาบิดเบือนได้ว่า

– เราไม่ตั้งใจเรียน จึงโดนลงโทษ
– เราไม่ยอมทำการบ้าน จึงโดนลงโทษ
– เราเป็นเด็กไม่มีวินัย จึงโดนลงโทษ
– “เป็นแค่การเข้าใจผิด”

เตรียมหลักฐานเอาไว้ชี้แจงต่อสื่อและโซเชียลว่า:

– ครูสั่งการบ้านจริงหรือไม่ การบ้านอะไร เราทำการบ้านหรือไม่
– ถ้าผลการเรียนดี ให้เตรียมใบเกรดไว้แสดงต่อสาธารณะ
– ถ้าผลการเรียนไม่ดี ให้ยืนยันว่าเราตั้งใจเรียนเสมอ
– ไม่มีใครควรโดนแบบนี้ ไม่ว่าจะผลการเรียนเป็นอย่างไร ครูสั่งการบ้านหรือไม่ก็ตาม
– ครูจงใจทำร้าย​ เพราะเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ไม่มีการเข้าใจผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
– ให้เพื่อนและผู้ปกครองช่วยยืนยันข้อเท็จจริงข้างต้น

10. แชร์ข้อมูลนี้ออกไป เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อม และป้องปราม ให้ครูไดโนเสาร์​หลงยุคเห็น​ว่าจะต้องเจออะไร ถ้าจะคุกคามอนาคตของชาติ YOU FUCK WITH THE WRONG GENERATION

ไม่​มี​เด็กคนไหนควรต้องมาอ่านไกด์ไลน์นี้ หรือฝึกเอาตัวรอดหฤโหดแบบนี้เลย #ถ้าการเมืองดี
ขอให้พลังจงสถิตย์แก่ท่าน.