Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the show-modified-date-in-admin-lists domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/teddyharrycom/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121
Authoritarianism in school – Harry Kaewmong
Skip to content

Authoritarianism in school


อำนาจนิยมในโรงเรียนแทรกซึมอยู่ในทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่วงโยธวาทิต ชวนทุกคนไปอ่านเรื่องราวของ “มะขาม” อดีตนักเรียนวงโยฯ ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ความฝันการเป็นนักดนตรีถูกกลืนกินด้วยวัฒนธรรมอำนาจนิยม แม้ว่าในปัจจุบันมะขามจะจบออกจากระบบการศึกษาแล้ว แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มะขามได้เผชิญจากการอยู่วงโยฯ ตั้งแต่สมัยประถมฯ จนถึง ม.ต้น ก็ยังคงหลอกหลอนเธอมาจนถึงทุกวันนี้

Q: เคยเจออำนาจนิยมอะไรในโรงเรียนบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย
A: ตั้งแต่ประถมฯ จนถึง ม.ต้น เราเรียนในโรงเรียนที่จุกจิกกับเครื่องแบบและทรงผมมาก โรงเรียนนี้เขาจะบังคับถักเปียสองข้าง เวลาตรวจระเบียบก็จะให้เด็กแกะเปียให้ดู เราก็ไม่เข้าใจว่าจะทำไปทำไม แล้วก็ครูบางคนก็ชอบใช้อำนาจ เช่น ให้เด็กเดินเข่าเข้าหา ถ้าจะเดินไปที่โต๊ะครูโดยไม่คลานเข้าเข้าไปก็จะโดนไล่ออกมาแล้วให้เด็กคลานเข่าเข้าไปใหม่ กว่าเราจะมาได้อิสระบ้างก็เพิ่งจะตอน ม.ปลาย นี่เอง อ้อ อีกเรื่องหนึ่งที่เจอคืออำนาจนิยมในวงโยฯ ด้วย อันนี้แย่มาก ๆ เราทั้งโดนว้าก โดนทำโทษ โดนทำร้ายร่างกาย นึกถึงยังรู้สึกแย่อยู่เลย

Q: พอจะขยายความเรื่องอำนาจนิยมในวงโยโรงเรียนที่พูดถึงได้ไหม ตอนนั้นมันกันอะไรขึ้น
A: ต้องเกริ่นก่อนว่าเราเล่นดนตรีในวงโยธวาทิตมาตั้งแต่ประถมฯ เอาเข้าจริงแม้แต่ตอนประถมฯ มันก็มีอำนาจนิยมแล้ว มีระบบอาวุโส มีกฎรุ่นน้องต้องไหว้รุ่นพี่ ครูกับรุ่นพี่ก็ชอบสั่งทำโทษด้วยสาเหตุแปลก ๆ ไร้สาระ เช่น ถ้าทำ mouthpiece (ปากเป่าเครื่องดนตรี) ตกพื้น จะโดนสั่งวิ่งรอบสนาม ถ้ามาสายก็จะให้วิ่งหรือลุกนั่ง หรือถ้าเดินแถวไม่ตรงก็จะโดนให้วิดพื้น แต่ตอนนั้นด้วยความที่เรายังเด็ก เราเลยโดนระบบปลูกฝังให้ใช้อำนาจข่มรุ่นน้อง ตอน ป. 6 ยังเคยบังคับให้น้อง ป. 3 ไหว้เลย นึกย้อนไปคืออยากเขกกะโหลกตัวเองจริง ๆ พอเราจบประถมฯ แล้วเราก็ย้ายโรงเรียน ได้มีโอกาสเล่นวงโยอีกทีตอน ม. 2 ตอนนั้นแหละที่มันแย่มาก ๆ เราโดนตั้งแต่ลงโทษด้วยเหตุผลแปลก ๆ จนไปถึงโดนทำร้ายร่างกาย ในวงโยฯ จะมีพี่สตาฟศิษย์เก่าคนหนึ่งที่เรียนจบไปหลายปีแล้ว เขาชอบสั่งทำโทษแล้วก็ชอบว้าก ทั้งด่ากราดทั้งขึ้นมึงกู ถ้าเดินแถวไม่ได้หรือไม่ตรงก็จะโดนสั่งกระโดดตบ วิดพื้น หรือไม่ก็วิ่ง เวลาซ้อมเดินสวนสนามถ้ามีใครทำไม่ได้ คนอื่นก็โดนสั่งลงโทษไปด้วย ตัวเราเคยโดนเขาเตะเพราะเดินไม่ตรงแถว ส่วนเพื่อนเรา ตอนโรงเรียนประกาศผลคะแนน ถ้าสอบตกก็จะโดนสตาฟคนนั้นเรียกไปตี เราก็ไม่เข้าใจว่าสอบตกแล้วจะตีทำไม มันไม่เกี่ยวอะไรกับวงโยเลย คือเหมือนเขาแค่อยากใช้อำนาจ ส่วนเรื่องบังคับไหว้รุ่นพี่ก็ยังมีเหมือนเดิม แล้วก็เราเคยได้ยินมาว่ามีรุ่นพี่โดนต่อยด้วย คือมันแย่มากจริง ๆ นะ นึกสภาพโดนว้าก โดนด่า โดนสั่งวิ่งแทบทุกวันดูสิ เสียสุขภาพจิต

Q: แล้วเราทนตรงนั้นมาได้ยังไง เราทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
A: ก็ไม่ทนอะสิ หลังจากโดนเตะ สองวันต่อมาเราขอครูลาออกโดยใช้เหตุผลว่าเรียนหนัก ซ้อมเลิกเย็น มีปัญหากับผู้ปกครอง ก็เลยพ้นมาได้ ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักคำว่าอำนาจนิยมเลยนะ ยอมโดนสั่งวิ่ง วิดพื้น ทนโดนว้ากโดนด่า แค่ไม่โอเคที่เขามาเตะเรา ถึงจะไม่แรงมากแต่มันก็เป็นการทำร้ายร่างกายอะ เราเลยแบบไม่เอาแล้ว ไม่ทนแล้ว

Q: แล้วสตาฟคนนั้นโดนลงโทษอะไรไหม
A: เท่าที่รู้ไม่มีนะ คนในวงรักก็เขามากด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีอำนาจในโรงเรียนหรือยังทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า คือตอนที่เราโดนก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่จริง ๆ เขาสมควรถูกดำเนินคดีด้วยซ้ำ

Q: ที่บอกว่า “คนในวงรักเขามาก” คิดว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น
A: เพราะระบบวงโยเป็นระบบรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง มันทำให้มีเรื่องความเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว พอรุ่นพี่ใช้อำนาจเสร็จแล้วบอกว่ามันเป็นการฝึก เหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง คนก็จะมองเขาเหมือนผู้ใหญ่ที่ดุด่าเด็กเพื่อให้เด็กได้ดีประมาณนี้อะ แต่จริง ๆ มันไม่ใช่เลย ความรุนแรงก็คือความรุนแรง ถึงจะอ้างว่าทำเพราะหวังดี ยังไงมันก็เป็นความรุนแรงอยู่ดี

Q: รู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
A: เรารู้สึกผิดกับเรื่องสมัยประถมฯ นะเพราะเราเคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้ ส่วนเรื่องตอน ม.ต้น ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราเป็นเหยื่อและเราอยากให้โลกรู้ว่าอำนาจนิยมในวงโยฯ มีอยู่จริง แม้ว่าเด็กวงโยฯ โรงเรียนอื่นอาจจะไม่ได้โดนเหมือนเรา แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เราใช้เวลาหลายปีเลยกว่าจะตระหนักได้ว่าเราเป็นเหยื่อและเราถูกลิดรอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตอนนั้นเราไม่กล้าบอกใครว่าเราโดนเขาเตะเพราะไม่อยากให้ผู้ปกครองเราเอาเรื่อง เราไม่อยากมีปัญหา พอเราลาออกเรารู้สึกผิดอยู่นานมากเพราะคิดว่าตัวเองไม่อดทนพอ แต่พอโตขึ้นรู้อะไรมากขึ้น ก็คิดได้ว่าทำไมเราต้องทนวะ

Q: คิดว่ามีคนอื่นที่เผชิญสถานการณ์คล้าย ๆ เราไหม อยากบอกอะไรกับเขา
A: คิดว่ามีนะ อยากบอกว่าเราไม่ต้องทนกับอะไรอย่างนี้เลย อย่ายอมให้ใครมาทำร้ายเรา อย่ามองว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ ถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นรุ่นพี่ ถ้าเราไม่ชอบโดนทำโทษ ก็อย่าไปสั่งทำโทษรุ่นน้อง อย่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบนี้ดำรงอยู่เด็ดขาด